top of page

Recital Program

Sergei Rachmaninov - Prelude in G minor op.23 no.5

Rachmaninoff เกิดเมื่อปีพ.ศ. 2416 ในเขต Semyonovo (ปัจจุบันเรียกว่า Semyonov) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัสเซีย เขาเป็นนักเปียโนนักแต่งเพลงและวาทยกร เขาเขียนเพลงในสไตล์โรแมนติกแม้ว่าเขาจะแต่งในช่วงศตวรรษที่ 20 ก็ตาม เขาออกจากรัสเซียในปีพ. ศ. 2461 เนื่องจากการปฏิวัติรัสเซีย หลังจากนั้นก็ไม่ได้แต่งมาก ผลงานส่วนใหญ่ของเขาเขียนขึ้นในช่วงต้นชีวิตของเขาเมื่อเขาอาศัยอยู่ในประเทศบ้านเกิดของเขาที่รัสเซีย Rachmaninoff เขียน 24 Prelude เผยแพร่เป็น Op. 23 และ Op. 32. เขาเขียนPrelude ในทุกคีย์เหมือนกับที่โชแปงทำ บทนำของ Rachmaninoff นั้นเป็นเพลงที่ใหญ่และยาวกว่าของ Chopin เป็นผลงานแนวโรแมนติกที่ทรงพลังซึ่งใช้เสียงที่ไพเราะ เพลงนี้ในรีไซทอลที่ใช้แสดง คือ Op 23 No.5 ใน G minor มีความเหมือนการเดินของทหารที่ฮึกเหิมเพราะเข้าจังหวะมาก นอกจากนี้ยังมีส่วนตรงกลางที่เป็นส่วนสั้น ๆ และแสดงถึงความเศร้าอย่างสวยงามมาก.

     เพลงเปิดนี้ได้กล่าวถึงเรื่องราวของเมดูซ่า เพลงสื่อถึงความอึมครึม ฮึกเหิม รุนแรง มีอารมณ์ที่กลับไปมา เอาแน่เอานอนไม่ได้ ที่เพลงแสดงถึงเบื้องหน้าเป็นปิศาจร้าย ดูโหดร้าย น่ากลัว น่าเกรงขาม น่าค้นหาและจับตามอง จนถึงช่วงท่อนกลางของเพลงที่แอบซ่อนถึงความบอบบางและเป็นแผลบาดลึกในจิตใจ

Fryderyk Franciszek Chopin

เฟรเดริก ฟร็องซัว ชอแป็ง เป็นคีตกวีชาวโปแลนด์ เกิดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 1810

ใน ค.ศ. 1830 เขาได้จากโปแลนด์ประเทศบ้านเกิดเพื่อมาประกอบอาชีพนักดนตรีที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเขาได้ใช้ช่วงชีวิตที่เหลือพำนักอยู่ที่กรุงปารีสหรือไม่ก็ในบริเวณใกล้เคียง

Chopin - Waltz  in E minor B.56

     เป็นเพลงอารมณ์สวยงามหวานซึ้ง แสดงถึงความสง่างามมากของเมดูซ่าที่ไร้เดียงสาเมื่อยังเป็นหญิงพรหมณ์จารีย์ ซึ่งนางเป็นที่หมายปองของชายทั้งเมือง โดยขณะนั้น นางเป็นคนดีที่บริสุทธิ์ เข้าวิหารเพื่อบำเพ็ญเพียร บูชาเทพีอเธน่า

Fryderyk Franciszek Chopin Nocturne op.9 no.1

    สื่ออารมณ์กังวล เศร้า ความมีลูกเล่นน่าค้นหา ปะปนด้วยความหวานและขมขื่นของคีย์เมเจอร์และไมเนอร์ ตลอดทั้งเพลงนั้น มีความแปรปรวนของอารมรณ์เพลงที่ทั้งความเศร้า ความอ้างว้าง กล่าวถึงเมดูซ่าที่ยังคงเป็นหญิงคนหนึ่งซึ่งปะปนไปด้วยความไร้เดียงสาเหมือนหญิงสาวทั่วๆไป แต่ทว่าขณะนั้นมีคนคิดร้ายอยู่เบื้องหลังแบบเงียบๆ อาจกล่าวได้ถึงเทพีอเธน่าและโพไซดอนที่มีความประสงค์ที่ไม่ดีต่อนาง แต่นางก็ไม่ได้รับรู้ถึงภัยที่จะเกิดขึ้น ความหมดหวัง และความดำดิ่งกับโชคชะตา

Amarilli Mia Bella(Vocal)

 

เขียนขึ้นก่อนการพัฒนาของเปียโนฟอร์เต้ (ซึ่งถูกประดิษฐ์ขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1700)“ Amarilli, mia bella” มีความหมายว่ามาพร้อมกับพิณซึ่งให้บรรยากาศที่ใกล้ชิดและสวยงามเป็นพิเศษ แม้แต่คำพูดที่ทำให้นึกถึงเวลาก่อนหน้านี้เช่นบรรทัด“ Prendi questo mie strale” (รับลูกศรของฉัน) ทำให้เกิดภาพของคันธนูและลูกศร นักแสดงคนใดคนหนึ่งของ“ Amarilli, mia bella” จะต้องการร้องเพลงด้วยเสียงซอตโต้เบา ๆ (การร้องเพลงเบา ๆ ) ตลอดด้วยวลีแบบเลกาโต ต่อไปนี้คือเนื้อ

 

Giulio Romolo Caccini

Giulio Romolo Caccini (เช่น Giulio Romano) (โรม 8 ตุลาคม ค.ศ. 1551 - ฟลอเรนซ์ถูกฝัง 10 ธันวาคม ค.ศ. 1618) เป็นนักแต่งเพลงครูนักร้องนักดนตรีและนักเขียนชาวอิตาลีในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาตอนปลายและยุคบาโรกตอนต้น เขาเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งประเภทของโอเปร่าและเป็นหนึ่งในผู้สร้างที่มีอิทธิพลมากที่สุดของสไตล์บาร็อคใหม่ เขายังเป็นพ่อของนักแต่งเพลง Francesca Caccini และนักร้อง Settimia Caccini

      นางได้โดนทำร้ายโดยเทพโพไซดอนที่ขืนใจนาง และโดนเทพีอเธน่าสาปแช่งให้มีเส้นผมเป็นงูน่ากลัวจากผมที่สวยงามมาก นางก็จะต้องเป็นปิศาจที่ดุร้าย น่าเกลียดน่ากลัว สบตาใครก็เป็นหิน ซึ่งเพลงสื่ออารมณ์คร่ำครวญหาความรักอันเป็นที่สุดจากคนรักคือพี่น้องอีกสองคนที่เป็นกอร์กอนไปด้วย โดยแฝงไปด้วยอารมณ์เศร้าไปพร้อมกับการบอกรักพี่และน้องสาวของนาง และด้วยความรักเคารพของนางที่มีต่อเทพีอเธน่า แต่ผลที่ได้รับกลับมาคือคำสาปแช่งกับความอยุติธรรม การโดนหักหลัง

Piano Sonata No. 17 in D minor, Op. 31, No. 2

Tempest ชื่อของเพลงนี้ได้หมายถึงพายุ หรือสื่อถึงอารมณ์ที่ไม่แน่นอนของอารมณ์เพลง โดยชื่อนี้ได้มาจากการพูดคุยกันของ เบโทเฟนกับ Anton Schindler และบทเพลงเล่าถึงอารมณ์ในช่วงชีวิตของเขา แสดงถึงความแปรปรวนต่างๆและความยุ่งเหยิง

Ludwig van Beethoven  เกิดเมื่อ 6 ธันวาคม ค.ศ. 1770 – 26 มีนาคม ค.ศ. 1827 เป็นคีตกวีและนักเปียโนชาวเยอรมัน เกิดที่เมืองบ็อน ประเทศเยอรมนี เบทโฮเฟินเป็นตัวอย่างของศิลปินยุคจินตนิยมผู้โดดเดี่ยว เขาเป็นคีตกวีที่มีคนชื่นชมยกย่องและฟังเพลงของเขากันอย่างกว้างขวางมากที่สุดคนหนึ่ง

     เพลงให้ความรู้สึกเงียบเหงา เศร้า ทรมานที่ต้องพบเจอกับเหตุการณ์ที่ร้าย และต้องทนกับสิ่งนี้ตลอดไป แต่ด้วยความโกรธจึงโมโห มีความแค้นอยู่ในใจ ต้องการจะเรียกร้องสิทธิของตน จะเห็นได้ว่าเพลงนี้สื่อถึงอารมณ์ที่หงุดหงิดเหมือนพายุ ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ พร้อมจะพังทลายทุกสิ่งตรงหน้าให้สูญเสีย ซึ่งขณะนั้นนางได้ต่อสู้กับเพอร์ซิอุส ที่มาโดยบัญชาการของอเธน่าให้มาสังหาร หรือตัดหัวของเมดูซ่า เพื่อต้องการจะทำลายชีวิตของนาง เพียงเพราะต้องการเอาหัวนางไปประดับโล่เพื่อนำไปเป็นอาวุธกันปิศาจ สิ่งชั่วร้ายต่างๆ เป็นเครื่องประดับ และทุกอย่างกำลังจะดับสูญ

Yuuki Hayashi Moonlit Night - "Death Parade"

     เพลงประกอบอนิเมชันซึ่งมีความหมายเกี่ยวโยงกับเรื่องความตาย แต่สู้กับคนอื่นๆเพื่อที่จะเกิดใหม่ แต่ความตายในที่นี้หมายถึงความรู้สึกที่หัวใจกับความรู้สึกตายไปแล้ว แต่ยังคงเหลือเพียงความโกรธแค้นกับร่องรอยความทรมาน โดยต้องการที่จะเกิดใหม่เป็นคนที่เอาชนะ เข้มแข็ง โหดร้าย และสู้กับความหมดหวัง โดยเมื่อเพลงดำเนินไปเรื่อยๆจะทำให้นึกถึงการลุกขึ้นสู้ อารมณ์ที่ค่อยๆเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เปลี่ยนจากคนที่ท้อแท้เป็นคนที่ต่อสู้เพื่อตัวเอง แต่สุดท้าย เมดูซ่าได้รับชัยชนะจากความเจ็บปวด และความรักที่ครอบครัวมีให้นาง จนสามารถเอาชนะเพอร์ซิอุสได้สำเร็จ

bottom of page