top of page

History

เรื่องราวของเมดูซ่ามีการดัดแปลงมาเรื่อยๆตามยุคสมัย ทัศนคติของมนุษย์ก็ค่อยๆเปลี่ยนตาม ซึ่งจอขอนำเสนอถึงเรื่องราวที่แตกต่าง ได้แก่

ในยุคกรีกโรมัน(Greek Period)

     โฮเมอร์ (Homer) เป็นผู้เขียนอีเลียดและโอดิสซีสองบทกวีมหากาพย์วรรณคดีกรีกโบราณ ได้เขียนบทกวีนี้ไว้ว่า

สามกอร์กอนน้องสาวกอร์กอน Stheno และ Euryale เด็กทุกคนเป็นลูกของเทพทะเลโบราณ Phorcys และ Ceto (หรือ "Keto") ซึ่งกล่าวเพียงว่า เมดูซ่าเป็นปิศาจที่น่ากลัวและดุร้าย เป็นปิศาจที่มีหัวเป็นงู และมีปีก ซึ่งเล่าเพียงว่าเมดูซ่าถูกตัดหัวโดยเพอร์ซิอุส

ต่อมาในยุคกลาง (Middle Age)

     ตำนานเมดูซ่ายุคกลางโดยกวีชาวโรมัน Ovid (4.794–803) นำเรื่องราวมาดัดแปลงว่าเดิมเมดูซ่าเป็นหญิงสาวที่สวยงาม มีพี่น้อง 3 คน ในตำนานกล่าวว่าเมทิสที่เป็นมารดาของทั้ง 3 พี่น้องของเมดูซ่าอยู่แล้ว แต่โดนซุสข่มขืนและกลืนนางลงท้อง จนซุสเองก็ได้รับพลังนี้มาจากเมทิส แต่มีอยู่วันหนึ่งก็ได้สำลักพลังออกมาเป็นอเธน่า ซึ่งไม่ได้เกิดจากความรัก หรือว่าความยินยอมจากเมทิส แต่เป็นการข่มเหงรังแก ซึ่งในบรรดาลูกทั้งสามของนาง พี่น้องของเมดูซ่าเป็นเทพเจ้าทั้งหมด มีเมดูซ่าเป็นคนเดียวที่มีความเป็นเทพเจ้ากึ่งมนุษย์ ด้วยความงามมาก นางโดนโพไซดอน ข่มขืนเธอในวิหาร ต่อมา Athena ลงโทษเมดูซ่าด้วยการเปลี่ยนผมสวยของเธอให้เป็นงูที่น่ากลัว จากนั้นในบทความของ Ovid ได้กล่าวว่าเธอเป็นเพียง"เหยี่อ"ของเหล่าคนที่มุ่งร้ายต่อเธอ ทั้งอาธีน่าที่อิจฉาในความงาม และผมของเธอที่สวยงามมาก เพราะความงามที่เธอเป็นหญิงบริสุทธิ์ที่ชายทั้งเมืองหมายปองจะครอบครอง ดันเป็นสิ่งที่ทำร้ายตัวเธอ แสดงให้เห็นค่านิยมว่า การเป็นผู้หญิงก็ยังคงตกเป็นเหยื่อของบรรทัดฐานทางสังคม ที่ไม่ได้ให้ความยุติธรรมกับเธอเลย ในสังคมได้มองผู้หญิงว่าอ่อนด้อยกว่า ต้องเป็นเพียงผู้ถูกกระทำ จากนั้นก็โดนตราหน้าจากบรรทัดฐานของสังคมที่ไร้เหตุผล ซึ่งในยุคที่ผ่านๆมา หญิงที่ดีและผู้ชายหมายปองมากๆคือหญิงบริสุทธิ์ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเช่นนั้น เพราะมนุษย์และสิ่งมีชีวิตต้องมีการสืบเผ่าพันธุ์ เพศหญิงก็ต้องยอมเสียบริสุทธิ์เพื่อที่จะดำรงเผ่าพันธุ์ต่อไม่ใช่หรือ? แล้วสังคมก็ตราหน้าว่าผู้หญิงเหล่านี้ไม่สะอาดแล้ว มีตำหนิ สิ่งแบบนี้เป็นการมองเพศหญิงเพียงสิ่งของที่ใช้แล้ว และมันไม่ควรเกิดขึ้น ส่วนอาธีน่าเป็นเทพที่บริสุทธิ์จริงที่ซึ่งเกิดออกมาจากหัวของเทพเจ้าซุสด้วยซ้ำ สังคมกำลังมองว่าหญิงที่ไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ เป็นคนเรียบร้อย คอยให้การสนับสนุนสามีของตอนนั้น ไม่มีอารมณ์และความคิดเป็นของตกเอง นอกจากนี้ยังมองว่าเป็นเพศที่ให้ความสำคัญในสิทธิการเลือกที่น้อยกว่าเพศชายเพียงเพราะไม่ได้ออกรบทำสงคราม หรือออกไปทำงาน

      อีกทั้งประเด็นเรื่องผู้มีอำนาจเหนือกว่าก็ควรจะให้เกียรติผู้น้อย ไม่ควรนำอารมณ์เป็นที่ตั้ง  เมดูซ่า นางกำลังบูชาเทพเจ้าอาธีน่าในวิหาร แต่นางโดนข่มขืนโดยโพไซดอน แล้วสุดท้ายก็ยังโดนสาปอยู่คนเดียวเพียงเพราะนางเป็นมนุษย์กึ่งเทพเจ้า ไม่มีอำนาจมากเท่ากับเทพอื่น ส่วนโพไซตอนก็รอดเพราะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ อาธีน่าทำอะไรไม่ได้นางจึงปล่อยไป ซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับการที่การกระทำผิดหนึ่งครั้ง แต่เอาความเป็นเทพมาลบล้างความผิดที่ตนก่อ ตรงกันข้ามกับเมดูซ่าที่ไม่ได้ทำผิดเลย แต่ก็ยังโดนซ้ำเติมด้วยคำสาปแช่งให้เป็นปิศาจ นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำไมเรื่องราวนี้จึงน่าหยิบยกมาพูดถึง

ยุคคลาสสิค (Classic Period)

     ตำนานของ Medusa ของ Leonardo Da Vinci ใน Florentine Gallery ได้ปรับเปลี่ยนมุมมองเมดูซ่าใหม่

Percy Bysshe Shelley - 1792-1822 เขาแต่งบทประพันธ์นี้ขึ้น แต่เป็นในแง่ของความงามของเมดูซ่าต่างหากที่ทำให้คนกลายเป็นหิน สามารถบอกได้ว่าความงามของเธอทำให้คนที่มองราวกับโดนมนต์สะกดเพราะความงามอันเป็นเสน่ห์ของเธอ ตามบทความข้างต้นนี้ทำให้เห็นมากขึ้นว่าสังคมอาจเปิดกว้างมากขึ้น มีกลุ่มคนมองต่างจากเดิม มีความคิดใหม่ๆและสังคมใหม่เกิดขึ้นตามยุคสมัย

Yet it is less the horror than the grace Which turns the gazer's spirit into stone;

Whereon the lineaments of that dead face Are graven,

till the characters be grown Into itself, and thought no more can trace;

'Tis the melodious hue of beauty thrown Athwart the darkness and the glare of pain,

Which humanize and harmonize the strain.

https://poets.org/poem/medusa-leonardo-da-vinci-florentine-gallery

bottom of page